Search Results

Amanita cf. populiphila Tulloss & E. Moses 1995 Specimen ID Collected date ฺRSPG01018 26 มิถุนายน 2560 17:00:00 Collected by Thitiya Boonpratuang, Rattaket Choeyklin, Prapapan Sawhasan, Tuksapon Thummarukcharoen, Maneerat Pobkwamsuk and Pachara Chotjitrakorn. Identified by Thitiya Boonpratuang, Collected Site Amnat Charoen Habit, habitat, substrate Habit single. Substrate on soil (terrestrial) Macroscopic Description Pileus diam 50 x 35 mm., thickness 3 mm. at disc, context color white (oac909), straight, pulvinate, moist, shing, smooth. Lamellae Color white (oac909), free, close, harrow, average, equal. Stipe Central, size diam 7 x 85 mm., color cream (oac801), context color white (oac909), equal, fibrous, hollow, chamber. Volvas sheathing, interior, hollow. Ring absent. Microscopic Description Basidiospores 9-12 x 9-15 µm, globose, smooth, thin-walled, hyaline and inamyloid. Basidia 3-16 x 52-53 µm, clavate, 4–spores basidia, smooth, thin-walled, smooth, hyaline and inamyloid. Basidioles 4-12 x 23-47 µm, clavate, thin-walled, smooth, hyaline and inamyloid. Cystidia 4-19 x 37-47 µm, pyriform, clavate, thin-walled, smooth, hyaline and inamyloid. Pileipellis pileus trama of cylindrical hyphae 3-7 µm diam., parallel, thin-walled, smooth, hyaline and inamyloid, elliptical, broadly clavate and cylindrical hyphea cell 15-18 µm diam, thin-walled, smooth, hyaline and inamyloid. Caulocystidia absent. Bulbs broadly clavate and cylindrical hyphea cell 10-17 µm diam, thin-walled, smooth, hyaline and inamyloid. Stipilipellis cutis with cylindrical hyphae 2-18 µm diam., parallel, thin-walled, smooth, hyaline and inamyloid. Chemical reaction colorless in 3% KOH. Clamp absent. Amanita cf. populiphila Tulloss & E. Moses 1995 Amanita cf. populiphila Tulloss & E. Moses 1995 Amanita cf. populiphila Tulloss & E. Moses 1995 Amanita cf. populiphila Tulloss & E. Moses 1995 1/1

การเก็บรักษาตัวอย่างของเชื้อราในกลุ่มที่สร้างโครงสร้างขนาดเล็ก เนื่องจากเชื้อราในกลุ่มนี้มีโครงสร้างขนาดเล็ก ต้องทำหาทางบรรจุลงบรรจุภัณฑ์และทำให้วัสดุที่ราขึ้นในไม่ขยับเนื่องจากทำความเสียหายให้โครงสร้างได้ หรือ ผู้ฝากอาจนำมาจัดทำเป็นรูปแบบของสไลด์แก้ว และผนึกแบบถาวรได้ Document Code of ISO9001 References I-NS-NBT-01 เงื่อนไข 3.2.1 รูปแบบของชิ้นไม้ ผู้รับบริการต้องปักหมุดชิ้นไม้บริเวณที่ตัวอย่างขึ้น บรรจุลงลงกล่องพลาสติ และทำการ Fix ชิ้นไม้ไม่ให้ไม้ขยับภายในกล่อง และทำการอบตัวอย่างดังขั้นตอน 3.1 ให้ปลอดจากเชื้อ หรือ แมลงที่อาจติดมากับชิ้นไม้ได้ และทำการผนึกกล่องไม่ให้อากาศเข้า ติดฉลากระบุรายละเอียดโดยเฉพาะ ชื่อวิทยาศาสตร์ และ รหัสตัวอย่างบนกล่อง 3.2.2 รูปแบบของสไลด์แก้วผนึกแบบถาวร ใช้กับตัวอย่างที่ไม่สร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรือกล้อง Stereo microscope โดยผู้ใช้บริการต้องจัดทำ Microscopic Mounting Slide แบบถาวรนำส่ง สไลด์แก้วนั้นต้องผ่านการปลอดเชื้อหรือฆ่าเชื้อโรคโดยรอบด้วย Ethanol 75% หรือวิธีที่เทียบเคียงเพื่อให้ไม่เกิดการแพร่กระจายของเชื้อและป้องการการปนเปื้อนที่ติดมากับกระจก ติดฉลากระบุรายละเอียดโดยเฉพาะ ชื่อวิทยาศาสตร์ และ รหัสตัวอย่างลงบนสไลด์แก้วที่ผนึกแล้ว หรือ กล่องใส่สไลด์แก้วนั้น ​ ​ ​

Genomic DNA พิพิธภัณฑ์ฯ รับเก็บเฉพาะ Genomic DNA ที่จัดเก็บผ่านกระบวนการทำระเหยแห้งด้วยวิธี speed vacuum หรือวิธีอื่นที่สามารถจัดเก็บในอุณหภูมิห้องได้โดยไม่ต้องทำการดูแลเป็นพิเศษเท่านั้น Document Code of ISO9001 References I-NS-NBT-01 เงื่อนไข ผู้ใช้บริการ ต้องบรรจุ Genomic DNA ลงใน Centrifuge Tube หรือ Micro Tube หรือ หลอดพลาสติกฝากเกลียวที่ไม่สามารถรั่วซึมได้ ทำให้แห้ง และ ผนึกหลอดให้เรียบร้อย ระบุปริมาณ DNA ภายในหลอดรวมถึงข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อวิทยาศาสตร์และรหัสตัวอย่าง ที่ตรงกับเอกสารการขอฝาก ไว้บนหลอด หรือ บนฉลากที่ติดมาพร้อมกับหลอด A260/A280 ratio between 1.6 - 1.9 or A260/A280 ratio between 1.8 - 2.1 Expected yield: Up to 20 μg กรณีนี้ทาง พิพิธภัณฑ์จะไม่ทำการตรวจสอบภายในบรรจุภัณฑ์ก่อนเก็บรักษา จะทำการเก็บให้เลย ดังนั้นความรับผิดชอบของสารพันธุกรรมจะขึ้นกับผู้ฝากหรือผู้ใช้บริการโดยตรง เก็บ 2 รูปแบบ 1. Speed Vacuum Centrifuge dry in centrifuge tube with taplet 2. Keep liquid in -80C in Brook Biostores II เก็บ 2 รูปแบบ 1. Speed Vacuum Centrifuge dry in centrifuge tube with taplet 2. Keep liquid in -80C in Brook Biostores II

โครงการศึกษาอนุกรมวิธานและการใช้ประโยชน์เห็ดราขนาดใหญ่กรณีศึกษาพื้นที่อุทยานธรณีสตูล จังหวัดสตูล 2020-2021 จำนวนความหลากชนิดที่พบ 220 ชนิด 220 บทคัดย่อ “การศึกษาอนุกรมวิธานและการใช้ประโยชน์เห็ดราขนาดใหญ่กรณีศึกษาพื้นที่อุทยานธรณีสตูล จังหวัดสตูล” การศึกษาอนุกรมวิธานของเห็ดรา เพื่อจัดทำบัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพเห็ดราขนาดใหญ่ที่พบภายในพื้นที่ศึกษา และศึกษาการใช้ประโยชน์ฯ เพื่อค้นหาศักยภาพที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อศึกษาในเชิงลึก หรือ พัฒนาเชิงอาชีพของประชากรภายในพื้นที่ตามหลักการของการเป็นสตูลจีโอพาร์ค เน้นความมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ผลจากการดำเนินงานด้านอนุกรมวิธานส่งต่อวิธีการ แนวทาง วัตถุประสงค์ของการสำรวจเพื่อการอนุรักษ์และเพิ่มปริมาณเห็ดที่มีศักยภาพให้วิสาหกิจชุมชนคัดเลือกจากกลุ่มคนที่มีความพร้อมในการรวมกลุ่ม มีความเข้มแข็งในการดำเนินอาชีพ และพื้นที่อยู่ในเขต สตูลจีโอพาร์ค สองอำเภอคือ อำเภอทุ้งหว่าและอำเภอระงู โดยเชื่อมต่อโครงการ อว. 9000 จ้างงานคนในท้องถิ่นจำนวน 20 คนเพื่อร่วมศึกษาทรัพยากรชีวภาพในท้องถิ่นพบว่าโครงการสำรวจและเก็บตัวอย่างเห็ดราได้จำนวน 606 ตัวอย่าง จำแนกด้วยลักษณะทางสัณฐานวิทยาและชีวโมเลกุลแล้วเสร็จร้อยละ 80 จากตัวอย่างทั้งหมดพบความหลากชนิดจำนวน 220 ชนิด ตัวอย่างแห้งได้รับการจัดทำเป็นตัวอย่างอ้างอิง เก็บ ณ พิพิธภัณฑ์เห็ดรา เรียบร้อย จากความหลากหลายดังกล่าวได้จัดทำเอกสารแสดงความหลากหลายทางชีวภาพฯเพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินซ้ำของ UNESCO และนำเสนอผลการวิจัยต่อคณะกรรมการประเมินพื้นที่สตูลจีโอพาร์คในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ซึ่ง โครงการจึงจัดทำแปลงศึกษา 2 แปลง ในพื้นที่อำเภอทุ้งหว้า ขนาด 800 ตารางเมตร์และ อำเภอระงู 2400 ตารางเมตร เพื่อทำการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจพรรณไม้ที่กำลังออกดอกหรือออกผลเบื้องต้นพบทั้งหมด 7 วงศ์ ซึ่งได้จัดทำเป็นตัวอย่างอ้างอิงเก็บเพื่อการจำแนกชนิดในลำดับถัดไป ประเด็นการศึกษาด้านศักยภาพการใช้ประโยชน์พบว่าเห็ดราดังกล่าวสามารถแยกเชื้อบริสุทธิ์และจัดเก็บได้จำนวน 162 สายพันธุ์ ผ่านการวิเคราะห์ยืนยันชนิดด้วยวิธีชีวโมเลกุล และนำไปวิเคราะห์การสร้างเอนไซม์ และ กรดไขมันจำนวน 99 สายพันธุ์ พบว่า เห็ดสายพันธุ์ต่างๆสามารถสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆทั้งที่ใช้สำหรับย่อยสารจำพวกคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน สอดคล้องกับบทบาทของเชื้อเห็ดที่แยกได้ในระบบนิเวศน์ซึ่งเป็นผู้ย่อยสลาย มีประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการเปลี่ยนวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรให้เป็นสารมูลค่าสูง ได้แก่ พลังงานเชื้อเพลิง แอลกอฮอล์ และกรดอินทรีย์ต่างๆ อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษ การฟอกสี และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น ปัจจุบันมีการนำเชื้อเห็ดใช้ในผลิตเอนไซม์ทางการค้าเพื่อใช้ประโยชน์อุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เอนไซม์แลคเคสซึ่งใช้ในการฟอกสี กางเกงยีนส์ เป็นต้น บทสรุปโครงการ “การศึกษาอนุกรมวิธานและการใช้ประโยชน์เห็ดราขนาดใหญ่กรณีศึกษาพื้นที่อุทยานธรณีสตูล จังหวัดสตูล” แบ่งประเด็นการศึกษาเป็นสองส่วนหลักที่สำคัญด้านแรกคืออนุกรมวิธานของเห็ดรา เพื่อจัดทำบัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพเห็ดราขนาดใหญ่ที่พบภายในพื้นที่ศึกษา ด้านที่สองคือการใช้ประโยชน์ฯ เพื่อค้นหาศักยภาพที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อศึกษาในเชิงลึก หรือ พัฒนาเชิงอาชีพของประชากรภายในพื้นที่ตามหลักการของการเป็นสตูลจีโอพาร์ค เน้นความมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ผลจากการดำเนินงานด้านอนุกรมวิธานส่งต่อวิธีการ แนวทาง วัตถุประสงค์ของการสำรวจเพื่อการอนุรักษ์และเพิ่มปริมาณเห็ดที่มีศักยภาพให้วิสาหกิจชุมชนคัดเลือกจากกลุ่มคนที่มีความพร้อมในการรวมกลุ่ม มีความเข้มแข็งในการดำเนินอาชีพ และพื้นที่อยู่ในเขต สตูลจีโอพาร์ค สองอำเภอคือ อำเภอทุ้งหว่าและอำเภอระงู โดยเชื่อมต่อโครงการ อว. 9000 จ้างงานคนในท้องถิ่นจำนวน 20 คนเพื่อร่วมศึกษาทรัพยากรชีวภาพในท้องถิ่นพบว่าโครงการสำรวจและเก็บตัวอย่างเห็ดราได้จำนวน 606 ตัวอย่าง จำแนกด้วยลักษณะทางสัณฐานวิทยาและชีวโมเลกุลแล้วเสร็จร้อยละ 80 จากตัวอย่างทั้งหมดพบความหลากชนิดจำนวน 220 ชนิด ตัวอย่างแห้งได้รับการจัดทำเป็นตัวอย่างอ้างอิง เก็บ ณ พิพิธภัณฑ์เห็ดรา เรียบร้อย จากความหลากหลายดังกล่าวได้จัดทำเอกสารแสดงความหลากหลายทางชีวภาพฯเพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินซ้ำของ UNESCO และนำเสนอผลการวิจัยต่อคณะกรรมการประเมินพื้นที่สตูลจีโอพาร์คในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ซึ่งในอนาคตจำเป็นต้องมีการดำเนินงานด้านการสำรวจทรัพยากรอย่างต่อเนื่องเพื่อรายงานความเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรต่างๆในท้องถิ่น โครงการจึงจัดทำแปลงศึกษา 2 แปลง ในพื้นที่อำเภอทุ้งหว้า ขนาด 800 ตารางเมตร์และ อำเภอระงู 2400 ตารางเมตร เพื่อทำการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจพรรณไม้ที่กำลังออกดอกหรือออกผลเบื้องต้นพบทั้งหมด 7 วงศ์ ซึ่งได้จัดทำเป็นตัวอย่างอ้างอิงเก็บเพื่อการจำแนกชนิดในลำดับถัดไป ประเด็นการศึกษาด้านศักยภาพการใช้ประโยชน์พบว่าเห็ดราดังกล่าวสามารถแยกเชื้อบริสุทธิ์และจัดเก็บได้จำนวน 162 สายพันธุ์ ผ่านการวิเคราะห์ยืนยันชนิดด้วยวิธีชีวโมเลกุล และนำไปวิเคราะห์การสร้างเอนไซม์ และ กรดไขมันจำนวน 99 สายพันธุ์ พบว่า เห็ดสายพันธุ์ต่างๆสามารถสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆทั้งที่ใช้สำหรับย่อยสารจำพวกคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน สอดคล้องกับบทบาทของเชื้อเห็ดที่แยกได้ในระบบนิเวศน์ซึ่งเป็นผู้ย่อยสลาย ซึ่งลักษณะเด่นที่สำคัญมีคุณสมบัติสร้างเอนไซม์เซลลูเลส ไซแลนเนส และแลคเคส ซึ่งเป็นเอนไซม์กลุ่มย่อยสลายไม้ได้ดี สอดคล้องกับผลการค้นพบเห็ดซึ่งเจริญบนไม้เนื้อแข็ง เช่น ท่อนไม้ และตอไม้ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต องค์ประกอบหลักของผนังเซลล์พืช ประกอบด้วยลิกนิน เฮมิเซลลูโลส และเซลลูโลส นอกจากนั้นแล้วเอนไซม์กลุ่มนี้ยังมีประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการเปลี่ยนวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรให้เป็นสารมูลค่าสูง ได้แก่ พลังงานเชื้อเพลิง แอลกอฮอล์ และกรดอินทรีย์ต่างๆ อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษ การฟอกสี และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น ปัจจุบันมีการนำเชื้อเห็ดใช้ในผลิตเอนไซม์ทางการค้าเพื่อใช้ประโยชน์อุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เอนไซม์แลคเคสซึ่งใช้ในการฟอกสี กางเกงยีนส์ ซึ่งเห็ดในสกุลดังกล่าวพบจากพื้นที่เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นคุณสมบัติในการสร้างกรดไขมันของเห็ดจากโครงการนี้พบว่า เห็ดส่วนใหญ่มีสัดส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง C18:1 และ C18:2 ในสัดส่วนสูงมากกว่าร้อยละ 50 ปริมาณกรดไขมันรวมของเห็ดส่วนใหญ่ พบว่ามีปริมาณค่อนข้างต่ำคือ 1-6% ยกเว้นสายพันธุ์ที่มีปริมาณสูงถึง 10-17% ได้แก่ Trichaptum cf. durum (RSPG01956) เป็นต้น สำหรับเชื้อเห็ดที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเช่นเชื้อเห็ดเรืองแสงที่สามารถเพิ่มปริมาณในพื้นที่และสร้างสารเรืองแสงคือ Filoboletus manipularis และเชื้อเห็ดที่มีศักยภาพด้านเภสัชวิทยา คือเห็ดกลุ่มหลินจือซึ่งพบทั้งหมด 7 สายพันธุ์ติดกับเขตอนุรักษ์มีศัยกภาพในการพัฒนาต่อยอด เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน เช่น Ganoderma australe, G. boninense, G. cf. fornicatum, G. gibbosum, G. nasalanense, G. neojaponicum, และ G. subresinosum การดำเนินงานเหล่านี้ยังต้องได้รับการศึกษาต่อทั้งด้านความหลากหลายและการใช้ประโยชน์เพื่อความยั่งยืนของทรัพยกรชีวภาพ รายการโครงการที่่น่าสนใจ จำนวนตัวอย่างที่พบ 606 จำนวนความหลากชนิด 220 พื้นที่วิจัย สตูลจีโอพาร์ค 1/3 การเผยแพร่องค์ความรู้ พื้นที่อุทยานธรณีโลกหลายเส้นทางศึกษาธรรมชาตินั้นมีเห็ดที่หลากหลายเป็นประเด็นหลักในการทำงานวิจัยครั้งนี้ รวมถึงมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดประโยชน์หลายด้าน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว จากกลุ่มเห็ดสวยงาม เช่น เห็ดแชมเปญ หรือ กลุ่มเห็ดรับประทานได้นำมาเพาะเลี้ยงเพิ่มรายได้และสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งผลให้เกิดรายได้เสริม เศรษฐกิจหมุนเวียนจากฐานราก และเพิ่มอาชีพในกับชุมชน เป็นต้น ทีมวิจัยวางแผนการสำรวจครั้งต่อไปหลังจากการปลดล็อกระยะ 4 จากภาครัฐ ซึ่งสามารถเดินทางได้ อบรมกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งได้งบประมาณการจ้างแรงงานในท้องถิ่น จังหวัดสตูล เพื่อบรรเท่าผลกระทบในช่วงระยะเวลาที่เกิดขึ้น ทีมวิจัยวางแนวทางการสำรวจ กำหนดพื้นที่อย่างชัดเจน และวางแผนเก็บข้อมูลเพิ่มเติม โดยคิดว่าไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายของโครงการที่กำหนด เนื่องจาก มีระยะเวลาทำงานภาคสนามเพียง 3 เดือนเท่านั้น ดังนั้นการทำงานด้านอนุกรมวิธานจะตอบโจทย์เรื่องบัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพเห็ดราขนาดใหญ่จาก สตูลจีโอพาร์ค เพื่อส่งต่อ UNESCO ในขณะที่การทำงานด้านประโยชน์ของเห็ดราขนาดใหญ่จะส่งผลกระทบด้านการดำรงอยู่ของ สตูลจีโอพาร์ค กับชุมชนโดยรอบให้มีส่วนร่วมได้อย่างกลมกลืน ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงและเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจตามหลักการ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยื่น การถ่ายทอดการสำรวจ เก็บข้อมูล เก็บตัวอย่างทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของชุมชนในหลายรุ่นอายุ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงาน จึงต้องใช้เยาวชน ทำให้เยาวชนมีส่วนร่วมมากขึ้น การพัฒนามัคคุเทศน์น้อยส่งผลให้เกิดการสนใจในธรรมชาติและเกิดความรักธรรมชาติ ส่งผลถึงการอนุรักษ์ รักษา ธรรมชาติกับคนรุ่นใหม่ ดังนั้นจากงานนี้ผลกระทบคือ ความยั่งยืนของชุมชนเรื่องของการท่องเที่ยวผ่านการศึกษาร่วมหลายรุ่นอย่างกลมกลืน การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยื่น การถ่ายทอดการสำรวจ เก็บข้อมูล เก็บตัวอย่างทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของชุมชนในหลายรุ่นอายุ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงาน จึงต้องใช้เยาวชน ทำให้เยาวชนมีส่วนร่วมมากขึ้น การพัฒนามัคเทศนน้อยส่งผลให้เกิดการสนใจในธรรมชาติและเกิดความรักธรรมชาติ ส่งผลถึงการอนุรักษ์ รักษา ธรรมชาติกับคนรุ่นใหม่ ดังนั้นจากงานนี้ผลกระทบคือ ความยั่งยืนของชุมชนเรื่องของการท่องเที่ยวผ่านการศึกษาร่วมหลายรุ่นอย่างกลมกลืน การมีส่วนร่วมของชุมชน ผ่านโครงการจ้างงานจากผลกระทบของ COVID19 อว. 9000 บาท โดยให้ทีมแกนนำร่วมสำรวจกับทีมนักวิจัย เพื่อศึกษาเห็ดในธรรมชาติ สังเกตความสวยงาม เข้าใจบทบาทของเห็ดที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพื่อรู้จักทรัพยากรในถิ่นของตน อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ส่งความรู้ต่อให้รุ่นลูกหลาน เพื่อสังเกตุการคงอยู่และหายไปของทรัพยากรในท้องถิ่น รวมถึงค้นหาชนิดที่มีศักยภาพเพื่อนำมาพัฒนาต่อยอด ภายใต้ความต้องการของชุมชน กิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมใหญ่คือ นักวิจัยจากสวทช.ร่วมลงพื้นที่กับชุมชน และภาครัฐสำรวจเก็บตัวอย่างและศึกษาทรัพยากรชีวภาพร่วมกัน เนื่องจากช่วงต้นปี 63 เกิดสถานการณ์ไวรัสระบาดทำให้ปิดกั้นการเดินทางและต้องปรับแผนการดำเนินกิจกรรม เมื่อ สำนักปลัดกระทรวง อว. มีโครงการจ้างงานผู้ประสบภัยจากการระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ทำให้นักวิจัย สวทช. ธนาคารทรัพยากรชีวภาพ รวมกลุ่มหารือกับชุมชน จ้างงานคนของสองตำบลคือ ทุ้งหว้า และ ระงู จำนวน 13 คนเป็นแกนนำร่วมศึกษาไปกับนักวิจัย สวทช. เพื่อนำองค์ความรู้ วิธีการ การศึกษาและแนวทางพัฒนาเก็บไว้และถ่ายทอดในท้องถิ่น พบว่ากิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเก็บข้อมูลทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรนั้นจำนวนมากกว่า 300 ข้อมูล พบว่าข้อมูลเห็ดมีจำนวนมากกว่า แต่กลับมีข้อมูลการใช้ประโยชน์น้อยกว่าแสดงให้เห็นถึงชุมชนรู้จักเห็ดราน้อยมาก แต่เมื่อชุมชนเข้าใจวิธีการศึกษา เช่นการสังเกตุการขึ้น การอาศัยร่วมระหว่างสิ่งมีชีวิต ความเกี่ยวพันธุ์และบทบาทในธรรมชาติ ทำให้เข้าใจถึงระบบนิเวศน์ และมีความต้องการการอนุรักษ์ และ ต้องการสำรวจสูงขึ้น จนขึ้นทะเบียนกลุ่มท่องเที่ยวชมป่าหาเห็ดไปพร้อมกับการดูฟอสซิล ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งทำให้เพิ่มกิจกรรมในการท่องเที่ยว พบว่าการสนับสนุนการท่องเที่ยวนั้นต้องหาจุดเด่นของพื้นที่ที่นอกเหนือจากฟอสซิลแล้ว ยังมีทรัพยากรอื่นที่น่าสนใจอีกเช่น เห็ดเรืองแสง เห็ดถ้วย เห็ดปะการัง เป็นต้น เห็ดเหล่านี้สามารถเพิ่มปริมาณได้และทำให้เกิดความสวยงามในฤดูฝนหรือ ปลายฝนต้นหนาวซึ่งเหมาะกับการท่องเที่ยว Read More

Acervus globulos Ekanayaka, Q. Zhao & K.D. Hyde 2016 Specimen ID Collected date RSPG01033 30 กรกฎาคม 2561 17:00:00 Collected by Thitiya Boonpratuang, Maneerat Pobkwamsuk, Siriwan Na Bangchang, Natthawut Wiriyathanawudhiwong and Nattawut Boonyuen. Identified by Thitiya Boonpratuang Collected Site RSPG Protected Montain Forest in Chiang ai Zoo. Habit, habitat, substrate Solitary habit and growing on unidentified twig (lignicolous habitat). Macroscopic Description Ascocarps: disc shape with umbicular or deeply lobe, or bowl shape, mostly circular to ovoid shapes from top view, umbicular, uncurved margin, smooth, straight margin, yellow to orange (oac810-811) color, exterior bright yellow (oac004) Microscopic Description Ascospores 7 – 9 × 4 – 5 µm, ellipsoid to elongate, ornamentation with aculeate, thick-welled, hyaline, inamyloid. Ascus 75 – 80 × 6 – 8 µm, 8 ascospores per ascus, cylindrical, long, smooth, thick-walled, hyaline and inamyloid. Paraphyses 75 – 110 × 4 – 5 µm, cylindrical, sometime forked, septate, thick-walled, smooth, hyaline and inamyloid. Ascocarps hymenieal layers; top layer present with cutis of repent hyphae 9 – 12 µm diam., parallel, septate, hairs presented 10 – 14 × 92 – 100 µm, thin-walled, cylindrical to pyriform, smooth, hyaline and inamyloid. Chemical reaction colorless in 3% KOH. Clamp connection absents in all hyphae. Acervus globulos Ekanayaka, Q. Zhao & K.D. Hyde 2016 Acervus globulos Ekanayaka, Q. Zhao & K.D. Hyde 2016 Acervus globulos Ekanayaka, Q. Zhao & K.D. Hyde 2016 Acervus globulos Ekanayaka, Q. Zhao & K.D. Hyde 2016 1/1

ทีมวิจัยธนาคารจุลินทรีย์ ทีมวิจัยธนาคารจุลินทรีย์ประกอบด้วยงานวิจัยด้านการเก็บรักษา วิเคราะห์คุณภาพ พัฒนาการจัดเก็บให้ได้คุณภาพและคงความมีชีวิต ยืนยันชนิดและให้บริการองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเห็ดราทั้งหมด นางสาวสาทินี ซื่อตรง หัวหน้าทีมวิจัยจุลินทรีย์ และ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยราทะเล satinee.sue@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71476 นายประเสริฐ ศรีกิติกุลชัย หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยไซราเรีย prasert.sri@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71459 นางสาวทักษพร ธรรมรักษ์เจริญ ผู้ช่วยวิจัยกลุ่มงานวิจัยเห็ด และ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์เห็ดรา tuksaporn.thu@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71454 นางสาวมณีรัตน์ พบความสุข ผู้ช่วยวิจัยกลุ่มงานวิจัยเห็ด และ ผู้ช่วยผู้จัดการพิพิธภัณฑ์เห็ดรา maneerat.pob@ncr.nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71454 นางสาววันโรสมาณี ดอเลาะ ผู้ช่วยปฏิบัติงานวิจัยกลุ่มเห็ด wanrosmani.dol@ncr.nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71454 นางพนิดา อุนะกุล หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ panida.una@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71475 นายณัฐวุฒิ วิริยะธนาวุฒิวงษ์ นักวิจัยกลุ่มงานวิจัยเห็ด และ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑ์เห็ดรา natthawut.wir@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71457 นายศรัญญู วงกระนวน ผู้ช่วยวิจัยกลุ่มงานวิจัยไซราเรีย sarunyou.won@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71465 นายบุญช่วย ชัยนุวงษ์ ผู้ช่วยวิจัยกลุ่มงานวิจัยไซราเรีย boonchuai.cha@ncr.nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71465 นางธิติยา บุญประเทือง Bio-banking Manager, หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยเห็ด และ หัวหน้ากลุ่มงานพิพิธภัณฑ์เห็ดรา thitiya.boo@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71471 นางสาวสิตา ปรีดานนท์ ผู้ช่วยวิจัยอาวุโสกลุ่มงานวิจัยราทะเล sita.pre@nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71465 นายภัครพล พูลสุขโข ผู้ช่วยปฏิบัติงานวิจัยกลุ่มเห็ด pakarapon.poo@ncr.nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71454 นายไพรัตน์ พุฒซ้อน ผู้ช่วยวิจัยกลุ่มงานคุณสมบัติของจุลินทรีย์ phairat.phu@ncr.nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71465

นายภัครพล พูลสุขโข ผู้ช่วยปฏิบัติงานวิจัยกลุ่มเห็ด More information pakarapon.poo@ncr.nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71454

การเก็บรักษาตัวอย่างแห้งขนาดใหญ่ วิธีเก็บรักษาตัวอย่างส่งผลกระทบต่อคุณภาพของตัวอย่าง ดังนั้นหากตัวอย่างไม่มีคุณภาพ ทางพิพิธภัณฑ์ฯ สามารถปฏิเสธการรับฝากได้ Document Code of ISO9001 References I-NS-NBT-01 เงื่อนไข ทำแห้งตัวอย่างหรือลดความชื้นให้ต่ำที่สุด โดยใช้เครื่องอบความร้อน หรือ เครื่องอบอาหารแบบขดลวดความร้อน หรือเตาอบ โดยอาศัยหลักการนำน้ำและความชื้นออกจากตัวอย่างอย่างช้าและแห้งในที่สุด หากเครื่องอบมีลมร้อนต้องระวังการปลิวของตัวอย่างขนาดเล็กในเครื่องอบ ความร้อนที่เหมาะสมตามมาตรฐานในการอบแห้งอยู่ระหว่าง 45 – 55 องศาเซลเซียส (ระยะเวลาในการอบขึ้นกับขนาดความหนาบางของตัวอย่าง เช่น ขนาดเล็กใช้เวลาตั้งแต่ 5 ชม. จนถึงขนาดใหญ่เช่นเห็ดหิ้ง เห็ดหลินจือใช้เวลาอบระหว่าง 3 – 7 วัน ตัวอย่างมีความหนาให้ทำการหั่นตัวอย่างเป็นชิ้นบาง ก่อนอบ (หลักการหั่นตัวอย่างตามหลักอนุกรมวิธาน คือประกอบตัวอย่างแล้วได้กลับสภาพเป็นเห็ดแห้ง 1 ดอก) บรรจุลงกล่องพลาสติก หรือ ลงถุงพลาสติกผนึกสุญญากาศ การเลือกบรรจุภัณฑ์ขึ้นกับลักษณะและขนาดของตัวอย่าง กล่องพลาสติกต้องผนึกด้วยเทป หรือ นำกล่องผนึกสุญญากาศอีกครั้ง เป็นต้น กำจัดการปนเปื้อนและกำจัดแมลงที่ฝังตัวอยู่ภายในตัวอย่าง มักจะพบกับตัวอย่างที่มีความหนาซึ่งแมลงจะออกมาทำลายตัวอย่างในภายหลังเมื่อเก็บเข้าตู้หากรอดชีวิตจากความร้อน (วิธีการปฏิบัติระบุข้อ 4) บันทึก วันเดือนปี ที่ทำการกำจัดการปนเปื้อนเป็นหลักฐานเพื่ออ้างอิงในอนาคต ​ ​

Boletinellus merulioides (Schwein.) Murrill 1909 Specimen ID Collected date RSPG01919 20 ธันวาคม 2562 05:00:00 Collected by Thitiya Boonpratuang, Rattaket Choeyklin, Maneerat Pobkwamsuk, Sakoakan Anaphon and Thanikan Niamtaeng and Komsit Wisitrassameewong. Identified by Thitiya Boonpratuang Collected Site Satun Province, Satun Geopark Community Fores Habit, habitat, substrate Specimen was connate (stipe base fused) and growing on laterite with small rock (Terrestrial Habitat). Macroscopic Description Pileus infundibuliform, incurved, hygrophanous, velvety, entire, smooth, dry, soft, color brown (oac736-737), pileus context 4 mm, color light yellow (oac858). Pseudopore to lamellae 8 x 22 mm, anastomosing to intervenose, color yellow (oac845), tube 1 mm, and color yellow (oac825). Stipe 8x22 mm, diam, and color brown (oac736-737), central, equal, firm, solid, dry, fleshy, longitudinal. Odor none. Microscopic Description Basidiospores 11–14 x 6–7 µm, elliptical, smooth, thick-walled, hyaline, Colorless in KOH3%, inamyloid in Melzer’s reagent. Basidia 35–45 x 8–10 µm, cylindrical to clavate, smooth, thick walled, 4–spores basidia, hyaline, Colorless in KOH3%, inamyloid in Melzer’s reagent. Basidioles 27–50 x 7–9 µm, clavate to cylindrical, smooth, thick walled, hyaline, Colorless in KOH3%, inamyloid in Melzer’s reagent. Pileipellis 34–50 x 6–12(-18) µm, composed of cylindrical to pyriform, perpendicular, densely, thin walled and septate, smooth, thin walled, hyaline in water, inamyloid in Melzer’s reagent, colorless in 3%KOH. Pileus trama 5-6 mm, composed of parallel, septate, smooth, cylindrical, horizontal. Pleurocystidia 27–50 x 7–9 µm, cylindrical and eccentric at apex, smooth, produced clamp connections, thin walled and hyaline in water, inamyloid in Melzer’s reagent, colorless in 3% KOH. Stipitipellis 5–6 µm, composed of cylindrical, thin walled, produced clamp connections, parallel, septate, smooth, thin walled, hyaline in water, inamyloid in Melzer’s reagent, colorless in 3%KOH. Boletinellus merulioides (Schwein.) Murrill 1909 Boletinellus merulioides (Schwein.) Murrill 1909 Boletinellus merulioides (Schwein.) Murrill 1909 Boletinellus merulioides (Schwein.) Murrill 1909 1/1

ยุคที่สอง (ช่วงแรก) 2539-2540 จากการที่ The International Botanical Code ได้กำหนดไว้ว่า การนำฝากตัวอย่างกับสถานที่ใดๆ ก็ตาม สถานที่นั้น "ต้องได้รับการยอมรับ" หรือ "ขึ้นทะเบียนระดับนานาชาติ" จึงทำให้นักวิจัยก่อนปี 2539 ส่งตัวอย่างฝากเก็บ ณ พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงในทวีปยุโรปหรืออเมริกา เพื่อป้องกันความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวอย่างที่เก็บได้จากประเทศไทย พิพิธภัณฑ์ที่นิยมนำฝาก เช่น Royal Botanic Gardens - Kew, IMI, New York Botanical Gardens เป็นต้น ภายใต้สนธิสัญญาด้านความหลากหลายทางชีวภาพในระดับนานาชาติ หรือ Convention on Biodiversity, CBD (Rio, Earth Summit) ในที่ประชุมแสดงความกังวลเรื่องของการเคลื่อนย้าย "วัสดุชีวภาพ" ที่มีความหลากหลายสูงมากในประเทศที่อยู่ในแถบเขตร้อนชื้นไปสู่ประเทศที่มีงานวิจัยที่เข้มแข็งกว่า เช่น ยุโรป หรือ อเมริกา ไม่เฉพาะเพียงแต่เห็ดรา แต่พืชก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุชีวภาพ ที่ถูกระบุอยู่ในความกังวลของ CBD เช่นเดียวกัน งานวิจัยที่จะนำวัสดุชีวภาพออกนอกประเทศไปนั้นส่วนมากต้องการนำออกไปในรูปแบบของการค้า แต่กลับอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยด้านวิชาการในพิพิธภัณฑ์ที่ต่างประเทศเท่านั้น จากเหตุนี้จึงเป็นที่มาความคิดในการดำเนินกิจกรรมของเก็บตัวอย่างชั่วคราวไว้ ณ BIOTEC ในนามของ NBCRC herbarium ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ปี 2539 เป็นปีแรกที่เกิดการดำเนินงานด้านพิพิธภัณฑ์เห็ดราอย่างจริงจัง เนื่องจากงานของห้องปฏิบัติการราวิทยาขยายอย่างต่อเนื่องจนทำให้ตัวอย่างที่เก็บไว้ ณ NBCRC herbarium มีปริมาณสูงขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัวอย่าง จึงต้องหาวิธีบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนั้น ดร.ไนเจล และ ดร.ทิโมที ได้มอบหมายให้ นางสาวธิติยา บุญประเทือง รวบรวมงานหาทางบริหารจัดการตัวอย่างดังกล่าวที่มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 15,000 ตัวอย่างในขณะนั้น และกำหนดชื่อคือ BIOTEC Bangkok Herbarium ชื่อย่อคือ BBH ซึ่งมีแนวทางเพื่อพัฒนาไปเป็นพิพิธภัณฑ์เห็ดราในอนาคตอย่างจริงจัง ​นับแต่นั้นมามีการหมุนเวียนของนักวิจัยทั้งรุ่นใหม่ และ ผู้เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธาน เข้ามาร่วมกับนักวิจัยห้องปฎิบัติการราวิทยา ศึกษาเห็ดราในประเทศไทยจำนวนมากมายอาทิเช่น Tony Whalley, R.J. Bandoni, E.B. Gareth Jones, Egon Horak, Don Pfister, Gary Samuels, Julietta Carrenza, Dennis E. Desjardin, Martina Reblova, Sabine Huhndorf, Kevin Hyde, Rob Samson, Trond Schumacher, etc. ในช่วงปี 2540 BIOTEC และ British Mycological Society ได้สนับสนุนจัดการสำรวจ "ราในเขตร้อน" ขึ้นซึ่งพบว่า ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากสนใจเข้าร่วมการสำรวจนี้ โดยเดินทางมาจากหลายประเทศทั่วโลกส่งผลให้เกิดจำนวนตัวอย่างแห้งที่ได้จากการศึกษาและฝากเก็บ ณ BIOTEC เป็นจำนวนมาก กลุ่มตัวอย่างหลักที่ฝากอยู่ใน BBH มาจาก รหัสดังต่อไปนี้ NHJ (Nigel Hywel-Jones), RJB (Robert Bandoni), TWF (Timothy Flege), TBP & TB (Thitiya Boonpratuang), DED (Dennis Desjardin), Gary Samuels, Julietta Carenza, Vincent Robert, Cony de Cock, SS (Somsak Sivichai), SFC (Sayanh Somrithipol), Kanoksri Tasanatai (KT), Suchada Mongkonsumrit (SM), Rattaket Choeyklin (TH, THP, RCK), VS (Veera Sri-Indrasutdhi), and AW (Apinya Wongkaeo) ตัวอย่างที่ฝากดังกล่าว ได้แก่กลุ่มของ ราก่อให้เกิดโรคในแมลง Hypocreales, Discomycetes เห็ดราขนาดใหญ่ ราน้ำจืด และราทะเล ราก่อให้เกิดโรคในพืช เป็นต้น 1/2 < Previous Work Next Work >

นางสาวมณีรัตน์ พบความสุข ผู้ช่วยวิจัยกลุ่มงานวิจัยเห็ด และ ผู้ช่วยผู้จัดการพิพิธภัณฑ์เห็ดรา More information maneerat.pob@ncr.nstda.or.th 662 564 7000 ต่อ 71454

โครงการที่น่าสนใจ ทีมจุลินทรีย์มีงานวิจัยหลากหลายด้าน ด้านหลักคืองานคลังทรัพยากรจุลินทรีย์ โดยการวิจัยเพื่อการจัดเก็บจุลินทรีย์ระยะยาวให้รอดชีวิต และ คงคุณสมบัติจุลินทรีย์นั้นให้ยาวนานที่สุด เปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ด้านสนับสนุน คือ สนับสนุนงานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพของจุลินทรีย์ งานศึกษาอนุกรมวิธาน และการศึกษาประชากรของจุลินทรีย์ ดังนั้นโครงการวิจัยที่ทีมงานได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจึงมีความหลากหลายเช่นเดียวกับทีมวิจัยที่มีความชำนาญหลายด้าน เช่น การแยกเชื้อ การวิเคราะห์ชนิด การเพาะเลี้ยง การ optimization เพื่อการพัฒนาสารสำคัญบางประการ การคัดเลือกสายพันธุ์ เป็นต้น โครงการศึกษาอนุกรมวิธานและการใช้ประโยชน์เห็ดราขนาดใหญ่กรณีศึกษาพื้นที่อุทยานธรณีสตูล จังหวัดสตูล “การศึกษาอนุกรมวิธานและการใช้ประโยชน์เห็ดราขนาดใหญ่กรณีศึกษาพื้นที่อุทยานธรณีสตูล จังหวัดสตูล” การศึกษาอนุกรมวิธานของเห็ดรา เพื่อจัดทำบัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพเห็ดราขนาดใหญ่ที่พบภายในพื้นที่ศึกษา และศึกษาการใช้ประโยชน์ฯ เพื่อค้นหาศักยภาพที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อศึกษาในเชิงลึก หรือ พัฒนาเชิงอาชีพของประชากรภายในพื้นที่ตามหลักการของการเป็นสตูลจีโอพาร์ค เน้นความมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ผลจากการดำเนินงานด้านอนุกรมวิธานส่งต่อวิธีการ แนวทาง วัตถุประสงค์ของการสำรวจเพื่อการอนุรักษ์และเพิ่มปริมาณเห็ดที่มีศักยภาพให้วิสาหกิจชุมชนคัดเลือกจากกลุ่มคนที่มีความพร้อมในการรวมกลุ่ม มีความเข้มแข็งในการดำเนินอาชีพ และพื้นที่อยู่ในเขต สตูลจีโอพาร์ค สองอำเภอคือ อำเภอทุ้งหว่าและอำเภอระงู โดยเชื่อมต่อโครงการ อว. 9000 จ้างงานคนในท้องถิ่นจำนวน 20 คนเพื่อร่วมศึกษาทรัพยากรชีวภาพในท้องถิ่นพบว่าโครงการสำรวจและเก็บตัวอย่างเห็ดราได้จำนวน 606 ตัวอย่าง จำแนกด้วยลักษณะทางสัณฐานวิทยาและชีวโมเลกุลแล้วเสร็จร้อยละ 80 จากตัวอย่างทั้งหมดพบความหลากชนิดจำนวน 220 ชนิด ตัวอย่างแห้งได้รับการจัดทำเป็นตัวอย่างอ้างอิง เก็บ ณ พิพิธภัณฑ์เห็ดรา เรียบร้อย จากความหลากหลายดังกล่าวได้จัดทำเอกสารแสดงความหลากหลายทางชีวภาพฯเพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินซ้ำของ UNESCO และนำเสนอผลการวิจัยต่อคณะกรรมการประเมินพื้นที่สตูลจีโอพาร์คในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ซึ่ง โครงการจึงจัดทำแปลงศึกษา 2 แปลง ในพื้นที่อำเภอทุ้งหว้า ขนาด 800 ตารางเมตร์และ อำเภอระงู 2400 ตารางเมตร เพื่อทำการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจพรรณไม้ที่กำลังออกดอกหรือออกผลเบื้องต้นพบทั้งหมด 7 วงศ์ ซึ่งได้จัดทำเป็นตัวอย่างอ้างอิงเก็บเพื่อการจำแนกชนิดในลำดับถัดไป ประเด็นการศึกษาด้านศักยภาพการใช้ประโยชน์พบว่าเห็ดราดังกล่าวสามารถแยกเชื้อบริสุทธิ์และจัดเก็บได้จำนวน 162 สายพันธุ์ ผ่านการวิเคราะห์ยืนยันชนิดด้วยวิธีชีวโมเลกุล และนำไปวิเคราะห์การสร้างเอนไซม์ และ กรดไขมันจำนวน 99 สายพันธุ์ พบว่า เห็ดสายพันธุ์ต่างๆสามารถสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆทั้งที่ใช้สำหรับย่อยสารจำพวกคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน สอดคล้องกับบทบาทของเชื้อเห็ดที่แยกได้ในระบบนิเวศน์ซึ่งเป็นผู้ย่อยสลาย มีประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการเปลี่ยนวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรให้เป็นสารมูลค่าสูง ได้แก่ พลังงานเชื้อเพลิง แอลกอฮอล์ และกรดอินทรีย์ต่างๆ อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษ การฟอกสี และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น ปัจจุบันมีการนำเชื้อเห็ดใช้ในผลิตเอนไซม์ทางการค้าเพื่อใช้ประโยชน์อุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เอนไซม์แลคเคสซึ่งใช้ในการฟอกสี กางเกงยีนส์ เป็นต้น 27/2/64 12:14 220 อ่านเพิ่มเติม ความหลากหลายจุลินทรีย์ในสภาพแวดล้อมพิเศษ: กรณีศึกษาในถ้ำของอุทยานธรณีสตูล ซึ่งเป็นสมาชิกของอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) นักวิจัยจาก NBT ร่วมเดินทางกับอุทยานธรณีสตูล มหาวิทยาลัยมหิดลและกรมทรัพยากรธรณี ดำเนินการสํารวจ เก็บตัวอย่างและจัดจําแนกชนิดของจุลินทรียที่พบภายในถ้ำในอุทยานธรณีสตูล จํานวน 2 ถํ้า ได้แก่ ถ้ำเลเสตโกดอน ที่มุ่งเน้นศึกษาความหลากหลายของรา และถ้ำภูผาเพชรมุ่งเน้นศึกษาความหลากหลายของราและแบคทีเรีย โดยทำการเลือกสุ่มเก็บตัวอย่าง เช่น หิน อากาศ น้ำ ดินหรือตะกอน หรือ อินทรียวัตถุ จากนั้นจัดจำแนกชนิดของจุลินทรีย์ด้วยลักษณะทางสัณฐานวิทยา ชีวโมเลกุล และอนุกรมวิธานเชิงเคมี พร้อมทั้งวิเคราะห์ลักษณะ ชนิดและ ประเภทของหินจากถ้ำเลเสตโกดอนและถ้ำภูผาเพชร 18/2/64 13:00 200 อ่านเพิ่มเติม